มิเซอร์ควบคุม

มิกเซอร์ จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ทำหน้าที่ปรุงแต่งสัญญาณที่เข้ามาในแต่ล่ะ
ปุ่มมิกเซอร์จะแยกหน้าที่การทำหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันออกไปต่อไปนี้

รายละเอียดของปุ่มต่างๆบนมิกเซอร์
อินพุตแจ็ค (input jacks)
ทำหน้าที่รับสัญญาณจากไมโครโฟนหรือจากเครื่องดนตรีต่างๆที่เป็นไลน์ (line)
ตำแหน่งมักอยู่บนสุดของมิกเซอร์ลักษณะของเต้ารับสัญญาณ (jack) จะมีอยู่สามแบบ คือ (RCA) (-10dBv) และ (XLR) การใช้เต้ารับสัญญาณนั้นขึ้นอยู่กับราคาของเครื่องมิกเซอร์นั้นหากมีราคาแพงเต้ารับสัญญาณจะเป็นแบบ XLR ส่วนมิกเซอร์แบบกึ่งโปรจะใช้เต้าแบบ RCA และแบบ1/4นิ้ว

แฟนทอม (phantom)
ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับไมโครโฟนที่เป็นแบบคอนเดนเซอร์ (condenser) ไฟที่ออกมาจะเป็นไฟ (DC)ซึ่งมีแรงดันระหว่าง 12-48 โวลต์ (volt)

เฟส (phase)ทำหน้าที่ปรับแก้ไขเฟสที่ไม่ถูกต้องที่อาจเกิดจากการต่อขั้วสายผิดพลาดหรือการวาง
ไมค์ที่ก่อให้เกิดการกลับเฟส (มักเกิดจากการวางไมค์มากกว่าสองตัวขึ้นไป) ให้คืนอยู่ในสภาพปกติ สวิตซ์เฟสนี้จะพบในมิกเซอร์ราคาแพงเท่านั้น

แพด ( pad)
จะพบสวิตช์นี้ในมิกเซอร์ที่มีราคาแพงเท่านั้น ทำหน้าที่ลดความแรงของสัญญาณที่เข้า
มาลง –20dB และในมิกเซอร์บางยี่ห้อจะใช้คำว่า MIC ATT (microphone
attenuation) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกัน

สวิตช์เลือกไมค์,ไลน์,เทปอินพุต (mic/line/tape input select)ทำหน้าที่เป็นตัวเลือกแหล่งสัญญาณที่เข้ามาเพื่อให้ความเหมาะสมของสัญญาณก่อนที่
จะป้อนเข้ามาให้เหมาะสมกับภาคปรีแอมป์ (pre-amp) มากที่สุด และเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการแตกพร่า (distrotion) ในขณะใช้งานเราสามารถปรับระดับสัญญาณได้ด้วยการดูที่มิเตอร์ (vu meter)

พีคมิเตอร์ (peak meter)ทำหน้าที่คอยระวังความแรงของสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลนั้นๆของมิกเซอร์ input
เพื่อไม่ให้มีค่าที่เกินค่าที่กำหนดไว้โดยไฟจะสว่างขึ้น เมื่อไฟสว่างให้ปรับลดที่เกน
(gain) หรืออีคิว วิธีการดูสัญญาณที่ขึ้นพีคนั้นสามารถช่วยให้สามารถเร่งความแรงของสัญญาณที่เข้ามาได้เต็มที่ ในขณะที่เราวัดจาก vu meter และทำให้ทราบได้ว่ามีช่วงไหนของสัญญาณทีมีความแรงที่สุด

โลว์พาสฟิลเตอร์ (lowpass-filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณความถี่สูงระหว่าง 8-10kHz เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ แต่ยอมให้
ความถี่ต่ำผ่านได้โดยสะดวก ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆสามารถตั้งค่าความถี่สูงที่
ต้องการตัดไม่ให้ผ่านได้อีกด้วย

ไฮพาสฟิลเตอร์ (highpass-filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณเฉพาะย่านความถี่ต่ำประมาณ 80 Hz ไม่ให้ผ่านไปได้แต่ยอมให้ความถี่สูงผ่านไปได้ ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆสามารถตั้งค่าความถี่สูงที่ต้องการ
ให้ผ่านได้อีกด้วย

แชนเนลมิวต์ (channel mute)
ทำหน้าที่ปิดเปิดสัญญาณที่เข้ามาในแต่ละแชนเนลของมิกเซอร์ ประโยชน์ของปุ่มนี้ช่วย
ให้กำหนดการปิดเปิดของสัญญาณที่ได้ยินแต่ล่ะช่องเป็นอิสระ


อินเสิร์ตแจ็ค (insert jack)
ทำหน้าที่เหมือนสวิตซ์ร่วมที่เชื่อมอุปกรณ์จากภายนอกเพื่อให้เข้ามาผสมกับสัญญาณที่
อยู่ในแต่ล่ะแชนเนลของมิกเซอร์ ทำให้แยกสัญญาณจากแชนเนลเพื่อส่งไปเข้า
เครื่องมือช่วยปรุงแต่งเสียงต่างๆ (signal processor) เช่นคอมเพรสเซอร์ หรือ ดีเลย์ เป็นต้น ได้เป็นอิสระแต่ล่ะช่องเสียง (channel)
อีควอไลเซอร์ (equalizer)
ทำหน้าที่ปรับความถี่ของสัญญาณที่เข้ามาเพื่อปรับแต่งหาความถูกต้องตามที่ต้องการ
เรานิยมเรียกย่อๆว่า (EQ) ลักษณะการทำงานของอีคิวจะมีตั้งแต่แบบง่ายๆสองย่าน
ความถี่คือเสียงสูง (treble)และความถี่ต่ำ (bass)ไปจนถึงแบบละเอียดที่มีครบทุกความถี่ (สูงกลางต่ำ)ซึ่งจะเป็นอีคิวแบบที่เรียกว่า พาราเมตริก อีคิว(parametric eq)
อีคิวบายพาส (EQ bypass)
ทำหน้าที่ปิดหรือเปิดในการใช้อีคิวหรือจะไม่ใช้ ทั้งนี้เพื่อการรับฟังเปรียบเทียบการใช้อี
คิวและไม่ใช้ ว่าสัญญาณเสียงก่อนใช้อีคิวและหลังใช้จะเป็นอย่างไร
เฟดเดอร์ (fader)
ทำหน้าที่ปรับเพิ่มระดับสัญญาณที่เข้าและออกไปจากมิกเซอร์ output เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องขยายเสียง บางครั้งเรานิยมเรียกทั่วไปว่าโวลุ่ม (volume)
สตูดิโอเลฟเวล (studio level)ทำหน้าที่ควบคุมความดังของเสียงที่ออกมาจากมิกเซอร์เพื่อส่งเข้าไปยังห้องที่
บันทึกเสียงเครื่องดนตรีก็คือห้อง studio นั่นเอง
คอนโทรลรูมเลฟเวล (control room level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังของเสียงที่ได้ยินทั้งหมดจากมิกเซอร์ที่อยู่ภายในห้องควบคุม
เสียง (control room level

โซโล (solo)ทำหน้าที่ตัดสัญญาณแต่ล่ะช่องเสียงออกมาเพื่อการรับฟังโดยอิสระโดยเราจะได้ยิน
เฉพาะช่องเสียงที่เรากดปุ่มโซโลใช้งานอยู่เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องปิดร่องเสียงอื่นๆ
เช่น ในขณะที่กำลังฟังเสียงที่เข้ามาในมิกเซอร์สี่ช่องเสียงพร้อมๆกัน และเราต้องการฟัง
ตรวจสอบเสียงจากช่องเสียงที่สองเพียงช่องเดียว เราก็กดปุ่มโซโลลงไปเราจะได้ยิน
เสียงจากช่องเสียงที่สองเท่านั้นซึ่งมันจะทำหน้าที่ตัดแยกเสียงในช่องเสียงอื่นๆให้เงียบ
โดยอัตโนมัติ

โซโลเลฟเวล (solo level)
ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณของโซโลในช่องเสียงต่างๆบนมิกเซอร์ทั้งหมด ว่าให้อยู่ใน
ระดับความดังเบาที่เท่าไรตามความต้องการของเอ็นจิเนียร์ เพื่อความสมดุลย์ของเสียง
เมื่อกดออกเพื่อฟังรวมกับระดับปกติ

ออกซีไลอะรี่ (auxiliary)
เรียกย่อๆว่าออกเซนด์ (aux send) ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณที่เข้ามาในแต่ล่ะช่องเสียงเพื่อส่งต่อไปยังอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียงต่างๆ หรือแหล่งรับสัญญาณอื่นๆตามที่เรา
ต้องการ อ๊อกเซนด์ (aux send) จะมีมาสเตอร์อ๊อก (master aux) ซึ่งควบคุมความแรงของสัญญาณอ๊อกทั้งหมดในทุกช่องเสียงบนมิกเซอร์อีกต่อหนึ่ง

ปรี (pre)หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงมิกเซอร์ จะถูกดักออกมาก่อนที่จะผ่านเข้าสู่
เฟดเดอร์หลักที่มิกเซอร์(เฟดเดอร์นี้มักจะอยู่ล่างสุดและมีลักษณะยาว) ซึ่งเมื่อดึงเฟดเดอร์หลักลงมาเพื่อลดสัญญาณเสียงลง สัญญาณเสียงก็จะไม่เบาตามไปด้วยแต่จะไปดังออกที่ภาคปรี (pre) ซึ่งอาจจะพ่วงต่อไปยังเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ เช่น รีเวอร์บ เป็นต้น ดังนั้นเสียงที่ยังคงได้ยินก็จะเป็นเสียงที่มาจากรีเวอร์บนั่นเอง ผลคือสัญญาณที่เข้ามาจะเป็นอิสระไม่ขึ้นกับเฟดเดอร์หลักที่ทำให้สามารถนำสัญญาณนั้น ๆ ไปใช้เพื่อผลทางเสียงได้ตามแต่ต้องการหรือสร้างสีสรรทางเสียงและมิติได้อีกทางหนึ่ง

โพสต์ (post)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะมีผลดังเบาตามเฟดเดอร์หลัก
คือเมื่อเราลดเฟดเดอร์ลงสัญญาณที่เข้ามาก็จะลงตามไปด้วย แม้ว่าสัญญาณจะถูกแยก
ส่งออกไปยังเอฟเฟคอื่น ๆ ก็ตาม

แพน (pan)
ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งสัญญาณให้ไปทางซ้ายหรือขวาและทำหน้าที่เป็นตัวถ่าย
โอนสัญญาณลงร่องเสียง(track)เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปอีกด้วย

กรุ๊ปหรือบัส (group or bus)
ทำหน้าที่รวมสัญญาณที่เข้ามาจากหลายช่องเสียง(channel)เพื่อรวมสัญญาณให้ออกที่output เดียว เพื่อส่งต่อไปยังเครื่องบันทึกเทปหรือเครื่องขยายเสียงหรือช่องเสียงภายในมิกเซอร์เอง เช่น เราสามารถกรุ๊ปหรือบัสเสียงกลุ่มนักร้องประสานเสียงจากหลายๆ ช่องเสียงบนมิกเซอร์ ให้ออกเป็นช่องเสียงเดียวได้ด้วยการควบคุมเฟดเดอร์เพียงตัวเดียวเพื่อสะดวกต่อการควบคุมความดังเบาของสัญญาณทั้งหมด การส่งสัญญาณบัสหรือกรุ๊ปทำได้ด้วยการใช้แพน(pan) เป็นตัวจ่ายสัญญาณว่าไปทางไหนควบคู่ไปกับช่อง
เลือกสัญญาณ (track selected)
เลือกแทรคเสียง (track selected)
ในมิกเซอร์ที่มีราคาแพงนั้นจะอยู่บนสุดเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณว่าจะ
ให้ออกไปสู่ช่องเสียงใดที่เครื่องบันทึกเทปแบบมัลติแทรคซึ่งอาจเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า
ไดเร็กต์แอสไซน์ (direct assign)
ไดเร็กต์เอาต์พุต (direct output)
ทำหน้าที่ดักสัญญาณที่เข้ามาโดยไม่ผ่านปุ่มต่าง ๆ บนมิกเซอร์เพื่อให้สามารถนำ
สัญญาณสด ๆ นี้ไปพ่วงกับอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียง(effects)หรือเครื่องบันทึกเสียงได้โดยตรงตามแต่วัตถุประสงค์

เอฟเฟ็กต์เซนด์ (effect send)
ทำหน้าที่จ่ายสัญญาณออกมาจากตัวมิกเซอร์ในแต่ละช่องเสียงไปสุ่เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ
เช่น รีเวิร์บ (reverb) หรือดีเลย์ซึ่งมักใช้ปุ่ม aux เป็นตัวส่งสัญญาณ

เอฟเฟ็กต์รีเทอร์น (effect return)ทำหน้าที่รับสัญญาณที่ผ่านมาจากอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกป้อนมาจาก effect send อีกทีหนึ่งเพื่อการได้ยินเสียงที่ส่งออกมาจากเครื่องเอฟเฟ็กต์
สเตอริโอมาสเตอร์แฟดเดอร์ (stereo master fader)
มีอยู่สองลักษณะคือแบบ
-ไสลด์โวลุ่ม (slide volume)
-แบบหมุน (rotarypot)
ทำหน้าที่เป็นตัวปรับความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดบนมิกเซอร์ทั้งซ้ายและขวาก่อนที่
จะออกไปสู่เครื่องมือต่างๆ
เอาต์พุตแฟดเดอร์ ( buss output faders )
บางที่เรียกว่ากรุ๊ปเฟดเดอร์ (supgroup faders) ควบคุมการส่งออกของสัญญาณที่มาจากกรุ๊ปหรือบัสอินพุตแฟดเดอร์ ( buss input fader) โดยจะแยกเป็นสเตอริโอซึ่งมีแพน (pan) ทำหน้าที่ควบคุมการส่งสัญญาณไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อผลของการมิกซ์เสียง (mixdown) หรือการจัดตำแหน่งสัญญาณ

สเตอริโอบัสอินพุต (stereo buss input)
ทำหน้าที่รองรับสัญญาณจากแหล่งสัญญาณอื่นๆเพื่อให้สามารถนำสัญญาณมาใช้
สัญญาณร่วมกัน เช่นกรณีที่ใช้มิกเซอร์สองตัวโดยตัวแรกใช้สำหรับรองรับสัญญาณจาก
เครื่องดนตรีและเสียงร้อง ส่วนตัวที่สองใช้สำหรับกล ุ่ม คีย์บอรด์ แต่เราต้องการควบคุม
สัญญาณทั้งหมดจากมิกเซอร์ตัวแรกเราสามารถทำได้โดยการส่งสัญญาณจากมิกเซอร์
ในตัวที่สองจากภาคเอาต์พุตสเตอริโอ (output stereo) แล้วต่อเข้าที่
สเตอริโอบัส (stereo buss) ที่ว่านี้ในมิกเซอร์ตัวแรกซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมระดับความแรงเบาของสัญญาณจากมิกเซอร์ตัวที่สองได้ที่มิกเซอร์ในตัวแรกในภาคสเตอริโอบัสของมิกเซอร์ตัวแรก

อ๊อกซีไลอะรี่รีเซนด์มาสเตอร์ (auxiliary send masters)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดที่มาจาก aux จากแต่ล่ะช่องเสียงในมิกเซอร์ หากเราปิด aux send master ถึงแม้เราจะส่งสัญญาณจาก aux ในแต่ล่ะแชนเนลก็จะไม่มีเสียงดัง ในทางตรงกันข้ามหากเราเพิ่มระดับความแรงของ aux send master ความแรงของสัญญาณจาก aux ในแต่ล่ะช่องเสียงบนมิกเซอร์ก็จะดังทั้งหมด





เพิ่มเติมคลิกตรงนี้ครับ http://www.audiocity2u.com/Power-Mixer